ต้องบอกว่าเจ๋งจริงครับงานนี้สำหรับทางด้านของเปแอสเช “ปารีส แซงต์ แชร์กแมง” ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ เพราะล่าสุดในเกมนัดที่สองของรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะต้องบุกไปเยือนสิงห์บลู เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ด้วยสถานการณ์ที่เป็นรอง เนื่องจากเสียอเวย์โกลที่บ้านมาก่อนด้วยผลเสมอที่ปาร์ก เดอ แพร้งค์ 1-1 แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังเป็นฝ่ายไปซัดอเวย์โกลที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ได้สองสกอร์จากผลเสมอ 2-2 กรุยทางเข้ารอบต่อไปด้วยกฎประตูทีมเยือนได้สำเร็จ
ว่ากันง่ายๆคือด้วยสถานการ์หลังจบเกมแรกมันเป็นอะไรที่เอื้อต่อเชลซีมากกว่าที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยกฎประตูทีมเยือน เพราะพวกเขาเล่นแค่เสมอ 0-0 กฎดังกล่าวก็จะทำงานให้พวกอัตโนมัติ ประกอบสไตล์การเล่น หรือแท็คติกของโจเซ่ มูริญโญ่ที่เน้นเกมรับเป็นปกติอยู่แล้วในการเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ด้วยกัน ตรงกันข้ามเปแอสเชต้องบุกเยือนเดอะบริดจ์ด้วยความกดดันมากล้นทีเดียว เนื่องจากต้องพยายามเจาะประตูเจ้าบ้านให้ได้สถานเดียว ดังนั้นเมื่อผลการแข่งขันออกมาแบบนี้ก็แน่นอนว่าไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากการชื่นชมเปแอสเชว่าเจ๋งๆจริงๆสำหรับการเล่นในเวทียุโรปซีซั่นปัจจุบัน
ส่วนสี่สกอร์ที่เกิดขึ้นในเกมนี้เป็นทางด้านของเจ้าบ้าน เชลซีที่ขึ้นนำไปก่อนนาทีที่ 81 จากแกรี่ เคฮิลล์ จากนั้นเป็นดาวิด ลุยส์ อดีตผู้เล่นของพวกเขาเองที่มายิงตีเสมอให้ทีมเยือนเปแอสเชเป็น 1-1 นาทีที่ 86 และจบเกมในเวลาปกติด้วยสกอร์ดังกล่าว ช่วงต่อเวลาพิเศษก็ยังคงเป็นเจ้าบ้านที่มาได้ประตูขึ้นนำก่อนอีกครั้ง จากจุดโทษของเอแด็น อาซาร์ นาทีที่ 96 ก่อนที่ติอาโก ซิลวา กองหลังกัปตันทีมของเปแอสเชจะมาตามตีเสมอให้เป็น 2-2 นาทีที่ 114 ด้านผลการแข่งขันของอีกคู่ที่ลงเตะในวันเดียวกันเป็นบาเยิร์น มิวนิคที่ถล่มเอาชนะชัคเตอร์ โดเน็ตคส์ไปเละเทะ 7-0 สรุปเวลานี้จึงมีสี่ทีมแล้วที่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีม ประกอบไปด้วยเรอัล มาดริด ปอร์โต้ เปแอสเช และบาเยิร์น มิวนิค